จากเหตุการณ์ แผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.7 ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อบางพื้นที่ของประเทศไทยและภูมิภาค ทำให้ประชาชนตื่นตัวในเรื่อง การเตรียมความพร้อมรับมือภาวะฉุกเฉิน มากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์นี้ บริษัทให้บริการ รักษาความปลอดภัย หลายแห่งแสดงให้เห็นว่าบทบาทของพวกเขาในด้าน ความปลอดภัยสาธารณะ นั้นไม่เพียงแค่การป้องกันอาชญากรรมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเชี่ยวชาญในการวางแผน การเฝ้าระวัง และการรับมือเมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติด้วย
ในบล็อกนี้ เราจะเจาะลึกว่าบริษัทเหล่านี้ให้การสนับสนุน การเตรียมความพร้อมรับมือภัยธรรมชาติ อย่างไรบ้าง
แผ่นดินไหวซึ่งเขย่าประเทศไทยและภูมิภาค เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เป็นเครื่องเตือนใจอย่างชัดเจนถึงความเปราะบางของประเทศไทยต่อภัยธรรมชาติ เหตุการณ์ครั้งนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ การเตรียมความพร้อมรับมือภาวะฉุกเฉิน ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนในปัจจุบัน
องค์กรธุรกิจ พื้นที่จัดกิจกรรม และสถานที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญอื่น ๆ ควรรวม แผนการรับมือภัยพิบัติ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้าน ความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย โดยรวม เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่มีผู้บาดเจ็บจำนวนมากขึ้นอย่างไม่คาดคิด
คนส่วนใหญ่มักเชื่อมโยง บริการรักษาความปลอดภัย กับการเฝ้ายาม การป้องกันการโจรกรรมหรืออาชญากรรม และ การเฝ้าระวัง เท่านั้น แต่ในความเป็นจริง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างดี และ ระบบเฝ้าระวังที่มีประสิทธิภาพ ยังมีบทบาทสำคัญในช่วงที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติอีกด้วย พวกเขาช่วยสนับสนุนและควบคุมการอพยพ รักษาความสงบเรียบร้อย และแจ้งเตือนล่วงหน้าเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
เพื่อเสริมบทบาทอันสำคัญของ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่ปฏิบัติงานภาคสนาม ปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยหลากหลายรูปแบบ ที่สามารถทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่เหล่านี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับความเสี่ยง ความปลอดภัย และการรับมือภัยพิบัติอย่างครอบคลุม โดย โซลูชันความปลอดภัยแบบไฮบริด อาจรวมถึงมาตรการต่อไปนี้:
เมื่อใช้ โซลูชันความปลอดภัยแบบไฮบริด อย่างเหมาะสม ไม่เพียงช่วยให้การดำเนินงานประจำวันมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังยกระดับการรับมือเมื่อเกิดภัยพิบัติได้อย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย
เหตุการณ์ แผ่นดินไหวล่าสุดในประเทศไทย แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การผสานแผนรับมือภัยพิบัติไว้ในกลยุทธ์ด้านความปลอดภัยของธุรกิจ งานอีเวนต์ และโครงสร้างพื้นฐานนั้นเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่เพียงแค่สำหรับแผ่นดินไหวเท่านั้น แต่สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดผู้บาดเจ็บจำนวนมาก
Guardforce Thailand เป็นผู้เชี่ยวชาญในการช่วยวางแผนระบบรักษาความปลอดภัยในชีวิตประจำวันและกรณีเหตุการณ์ร้ายแรง ให้กับสถานที่ต่าง ๆ เช่น สำนักงาน สนามบิน ศูนย์การค้า โรงพยาบาล และสถานที่จัดงาน ด้วย โซลูชันความปลอดภัยแบบไฮบริด ที่ผสาน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่มีประสบการณ์และผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดี เข้ากับเทคโนโลยีอัจฉริยะล้ำสมัย เพื่อให้มั่นใจได้ถึงความพร้อมในทุกสถานการณ์
ติดต่อ Guardforce Thailand ได้ที่นี่ วันนี้ เพื่อขอรับคำปรึกษาและประเมินแผนความพร้อมรับมือภัยพิบัติ ฟรี!